Lido Finance ทำยอดเงินฝากรายวันทะลุ 150,000 ETH

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมายอดการฝาก liquid staking บน Lido Finance ทะลุ 150,000 ETH เป็นครั้งแรก

ทำให้ระบบ “Staking Rate Limit” หรือจำกัดจำนวนเงินฝากทำงานเพื่อป้องกันการไดลูทเงินรางวัลที่มากเกินไป

อ้างอิงจากข้อมูลของ Lookonchain แพลตฟอร์มการวิเคราะห์ Web3 ปรากกฎการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจาก Justin Sun ผู้ก่อตั้ง Tron Blockchain ฝาก ETH จำนวน 150,100 ETH บน แพลตฟอร์มซึ่งมีมูลค่ากว่า 240 ล้านดอลลาร์ ข้อมูลธุรกรรมชี้ให้เห็นว่า Sun ทยอยโอนเหรียญเข้ามาผ่านธุรกรรม 4 รายการ

Lido Finance เปิดระบบ Staking Rate Limit

หลังจากทวีตของ Lookonchain ถูกเผยแพร่ไม่นาน ทางโปรโตคอลออกมาเผยว่า Staking Rate Limit ถูกใช้งานเพราะมีการฝาก ETH เข้ามาเกินเกณฑ์ที่กำหนดไว้ กลไกนี้จะจำกัด stETH ที่ถูกมิ้นท์เป็นรางวัลในระยะเวลาหนึ่งเพื่อป้องกันการไดลูทที่มากเกินไป

กลไกนี้จะมีผลต่อทุกๆ ฝ่ายที่ต้องการมิ้นท์ stETH ขึ้นไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม ดังนั่นการจำกัดนี้จึงครอบคลุมถึง stETH และ wstETH (wrapped staked ether)

ทางแพลตฟอร์มแจ้งว่า : “การทำงานของมันคือ จำนวน stETH ที่สามารถมิ้นท์ได้ในช่วง 24 ชั่วโมงแรก จะถูกจำกัดจำนวน และจำนวนจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นตามจำนวน block ที่เกิดขึ้นในเวลาต่อมา แต่ด้วยความเร็วในการสร้าง ETH ปัจจุบันอยู่ที่ 6,200 ETH ต่อชั่วโมง ผู้ใช้งานรายย่อยทั่วไปจะไม่ได้รับผลกระทบ”

การเงิน Lido Finance

Shanghai Upgrade ที่กำลังจะมาถึง

แรงจูงใจในการฝาก ETH บนโปรโตคอลคือ การเฝ้ารอ Shanghai Upgrade (EIP-4895) ที่จะเกิดขึ้นบน Ethereum ภายในเดือนมีนาคมนี้ การอัพเกรดครั้งนี้จะทำให้พวกเขาสามารถถอน ETH ที่ฝากไว้บน Beacon Chain

เพื่อให้การถอน ETH จาก Liquid Staking ของแพลตฟอร์มเป็นไปได้ด้วยดี เดือนที่แล้วทางโปรโตคอลได้ประกาศแผนการอัพเกรดเป็น V.2 ที่จะอำนวยความสะดวกให้นักลงทุนสามารถถอน stETH ได้ทันทีจาก Beacon Chain โดยตรงหลังจาก Shanghai Upgrade เสร็จสิ้น แผนการอัพเกรดครั้งนี้จะเปิดให้โหวตผ่าน governance ในอีกไม่นาน

สำหรับการเติบโตของ Lido DAO token (LDO) ในเดือนที่ผ่านมาเติบโตขึ้นกว่า 31% อ้างอิงข้อมูลจาก CoinMarketCap นับเป็นการเติบโตต้อนรับ Shanghai Upgrade ที่กำลังจะมาถึง

การเงินแนะนำ>>>>เกาะประชุม “อีซีบี-บีโอเจ” ลุ้นเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.75% กดดันบาทอ่อนค่าต่อ

เกาะประชุม “อีซีบี-บีโอเจ” ลุ้นเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.75% กดดันบาทอ่อนค่าต่อ

แบงก์ประเมินกรอบเงินบาทเคลื่อนไหว 37.90-38.70 บาทต่อดอลลาร์ จับตา “ประชุมอีซีบี-บีโอเจ” ส่งสัญญาณแทรกแซงค่าเงิน ลุ้นตัวเลขใช้จ่ายผู้บริโภคสหรัฐ-ยุโรป ตลาดคาดเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.75%

การเงิน หนุนตลาดปิดรับความเสี่ยง ดันเงินดอลลาร์แข็งค่า ด้านฟันด์โฟลว์เห็นแรงเทขายบอนด์หลังเด้งรับบอนด์ยีลด์พุ่งราว 5 พันล้านบาท

การเงิน

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า กรอบเงินบาทสัปดาห์หน้า (วันที่ 24-28 ตุลาคม 65) เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 38.00-38.50 บาทต่อดอลลาร์

โดยปัจจัยที่ต้องติดตามและมีผลต่อการเคลื่อนไหวของเงินบาท จะเป็นการประชุมธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) โดยคาดว่าอีซีบียังคงเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่ตลาดจะให้ความสำคัญในเรื่องของมุมมองต่อเศรษฐกิจและวิกฤตพลังงาน ซึ่งจะมีผลต่อค่าเงินยูโร รวมถึงตลาดติดตามการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของสหราชอาณาจักรจะเป็นใคร

ขณะที่การประชุมของบีโอเจ มองว่าปัจจัยสำคัญไม่ได้อยู่ที่ผลการประชุม เพราะคาดว่าจะยังนโยบายการเงินไว้ แต่จะเป็นเรื่องของการแทรกแซงค่าเงินเยน ซึ่งมีโอกาสเห็นเงินเยนไหลจาก 150 เยนไปแตะ 160 เยนต่อดอลลาร์ได้ โดยทางการญี่ปุ่นอาจใช้จังหวะในการประชุมในการเข้าไปดูแลค่าเงินได้ จึงต้องติดตามว่าผลจะเป็นอย่างไร

นอกจากนี้ จะมีตัวเลขดัชนี PMI ของสหรัฐและยุโรป ซึ่งตลาดจะโฟกัสทั้ง 2 ตัว เพราะหากตัวเลขออกมาแย่กว่าคาด จะทำให้ตลาดปิดรับความเสี่ยง (Risk off) หันไปถือดอลลาร์ดันดอลลาร์แข็งค่าต่อได้

“หากไม่มีปัจจัยมากระทบเชื่อว่าเงินบาทจะไม่หลุดแนวต้าน 38.50 บาทต่อดอลลาร์ แต่หากหลุดกรอบก็มีความเป็นไปได้ที่จะวิ่งไปแตะ 38.75 บาทต่อดอลลาร์ได้ แต่ปัจจัยสำคัญที่ต้องรอดูจะเป็นโฟลว์จากทองคำ ซึ่งหากราคาไหลลงจากแนวรับ 1,620 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เป็นแรงกดดันเงินบาท”

สำหรับกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย (ฟันด์โฟลว์) ในสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่าตลาดหุ้นซื้อสุทธิราว 2,000 ล้านบาท ถือว่าตลาดหุ้นไทยลงน้อยกว่าตลาดอื่น และสามารถยืนเหนือระดับแนวรับได้ ทำให้ดัชนี SET Index ค่อนข้างดี อย่างไรก็ดี คาดว่าแนวโน้มในสัปดาห์นักลงทุนอาจจะไม่ได้เข้ามาก อยู่ในหลักพันล้านบาท เนื่องจาก Sentiment ตลาดยังไม่ค่อย